โควิด ครั้งนี้ ขวิดแรงและบาดเจ็บกันไปทั่วโลก เมื่อโควิดเริ่มหายคึก และเริ่มปลด lock down
Management team ควรจะได้เริ่มการ รักษาและกอบกู้ ธุรกิจ (เฟสที่ 2)
ในเฟสนี้ สิ่งสำคัญ สำหรับผม คือ การบริหาร Cash flow หรือหมุนเงินให้ทัน ซึ่งเป็นปัญหาที่เจอกันตอนนี้เยอะ เช่น
1 ไม่มีเงินเข้า คือ เก็บเช็คจากกลูกค้ายาก
ธุรกิจส่วนใหญ่ ขายเป็นเงินเชื่อ 30-60 วัน สิ่งที่เจอกันตอนนี้ ลูกค้าก็จะขอขยายเวลา ยิดเวลา ซึ่งก็หนักใจสำหรับคนขาย …เพราะก็ไม่อยากตัดความสัมพันธ์กับลูกค้า
2 มีแต่เงินออก เจ้าหนี้เริ่มมาเร่งเก็บเงิน
หน้าที่ของฝ่ายจัดซื้อ ก็คือ ขอยืดหนี้กับ Suppliers (เห็นมั้ย มันกระทบกันเป็นทอดๆ)
คราวนี้ ก็อยู่กับอำนาจการต่อรอง ถ้าคนขายง้อเรา ก็อาจจะยอมยืดหนี้ให้ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายง้อคนขาย ถ้าเราไม่จ่าย เราก็อาจจะไม่ได้สินค้ามาขายให้กับลูกค้า (ยิ่งหายออเดอร์ยากๆกัน)
เพิ่มจากการขอยืดหนี้ บริษัทยังมีคำสั่งซื้อ Purchase Order ที่ได้เปิดไปก่อนหน้า ยกเลิก หรือจะเลื่อน ทำได้หรือเปล่า??
เช่น ถ้าบริษัทเราสั่งซื้อวัตถุดิบ จาก ตปท ซึ่งส่วนใหญ่ ต้องสั่งล่วงหน้า 2-3 เดือน ดังนั้น เรากำลังมีวัตถุดิบ กำลังจะเข้ามาอีก 2-3 เดือน ข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เราเริ่มไม่ค่อยอยากได้แล้ว เพราะยอดขายตก
ถ้าเลื่อนไม่ได้ ยกเลิกไม่ได้ ก็ต้องจ่ายเงินออกไปอีก (อย่าลืม ยอดขายก็ยังไม่มี แต่มีวัตถุดิบ เข้ามาเพียบอีก)
สิ่งสุดท้ายและสำคัญ สต็อคที่อยุ่ในคลังสินค้า เงินจมอยู่ตรงนี้ จะเอายังไง สายป่านยาว ก็ถือไว้ หรือ จะปล่อยออก เอาเงินเข้า แต่ขาดทุนกำไร?
การกำหนดกลยุทธ์การรับมือ 7 ขั้นตอน
#1. ประชุมทีมงาน ประเมินสถานการณ์
#2 ทำ Sale Forecast Scenario Planning คือ คาดการณ์ประมาณการยอดขาย ออกเป็น อย่างน้อย 3 กรณี 1 เลวร้ายสุดๆ (Worst Case) 2 กลางๆ (Base Case) 3 ดีที่สุดที่เป็นไปได้ (Best Case)
#3 ประมาณการกระแสเงินสด จาก Sale Forecast ในข้อ 2 #4 วางแผนกลยุทธ์ จัดการ ลูกหนี้ เจ้าหนี้ สต็อค ในคำสั่งซื้อ จากผลลัพธ์จากข้อ 3
#5 ลงมือทำ
#6 ติดตามผล
#7 ปรับแผน
โดยทั้ง 7 ข้อนี้ ผมแนะนำว่า ผู้บริหารต้องเกาะติด ลง Details โดยติดตามเป็นรายวัน อย่างแย่สุดคือ รายสัปดาห์ อย่างน้อย อีก 3-6 เดือนจากนี้ครับ
ครั้งนี้ เหนื่อยครับ หนักกว่า ปี 40 และหนักกว่า น้ำท่วมใหญ่ คือว่า หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมาครับ เราต้องชนะครับ
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามเราได้ครับ